วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ภูมิปัญญาชาวบ้านจังหวัดอุบล

ตำนานเทียน....พุทธศิลป์ จากภูมิปัญญาชาวอุบลฯ ..ราชธานีแห่งสยาม

              “ อุบลราชธานี มีสมญานามว่า เมืองแห่งดอกบัวงาม” ซึ่งดอกบัวเป็นพฤกษชาติที่มีคติธรรมทางพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง อุบลราชธานีจึงมีวัฒนธรรมประเพณี ทำบุญทุกๆ เดือนตลอดปี แต่ที่โดดเด่นและมีที่มาอย่างยาวนาน คือ ประเพณีแห่เทียนพรรษา
              สมัยแรก (ประมาณ พ.ศ. 2335-2443) เทียนเวียนหัว มัดรวมติดลาย ชาวบ้านนำเทียนที่ฝั้นเองนำมามัดรวมกับแกนกลางแล้วติดลายให้สวยงาม นำไปถวายพระสงฆ์ในการทำบุญเข้าพรรษาคือบุญเดือนเเปด
สมัยที่ 2 (พ.ศ. 2444-2479) หลอมเทียน หลอมใจ หลอมบุญ
               เมื่อครั้งพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์พระเจ้าน้องยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์ สำเร็จราชการมณฑลอีสานประทับที่  เมืองอุบลราชธานี ทรงเห็นการแหบุญบั้งไฟที่วัดหลวงริมแม่น้ำมูล เกิดเหตุบั้งไฟตกลงมาถูกชาวบ้านตายอีกทั้งชาวบ้านที่มาร่วมงานต่างกินเหล้าเมามายเกิดการทะเลาะวิวาทชกต่อย ตีรันฟันแทงกันถึงแกล้มตาย จนมีคำกล่าวเป็นผญาภาษาอีสานว่า "ปีได๋บ่มีตีรันฟันแทงกัน มับเสียดายเเป้งข้าวหม่า มีความหมายว่า หากปีใด ที่ไม่มีการทะเลาะวิวาทกัน จะรู้สึกเสียดายแป้งที่ใช้หมักสุรา เสด็จในกรมทรงเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ดี อีกทั้งประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประเพณีที่นับถีอเทพเจ้า (แถน) ตามธรรมเนียมของศาสนาฮินดู พระองค์จึงทรงสั่งให้งดเว้นการจัดงานบุญบั้งไฟอีกต่อไป และให้ใช้ประเพณีถวายเทียนพรรษาเป็นพุทธบูชาตามธรรมเนียม ของชาวพุทธโดยแท้จริงเมืองอุบลราชธานีจึงมีประเพณีแห่เทียนพรรษานับแต่นั้นสืบมา
                ในสมัยนี้มีการหล่อเทียนต้นใหญ่  เนื่องจากเห็นว่าการมัดเทียนขนาดเล็กรวมเข้าด้วยกันเป็น    งานที่ทำได้ง่าย ประกอบกับพระองค์ทรงเห็นการถวายเทียนต่างคนต่างทำ จึงทรงเป็นผู้ริเริ่มให้ชาวเมืองอุบลราชธานีรวมกันหล่อเทียนต้นใหญ่ มอบให้ชาวบ้านทำเป็นกลุ่มใหญ่หรือทำเป็นคุ้มวัด มีกรมการเมืองคอยดูแลแต่ละคุ้มวัด การจัดทำเป็นต้นเทียนถือเป็นงานใหญ่ใช้แรงคนมาก ใช้เวลามาก และสิ้นเปลืองทุนทรัพย์อีกทั้งชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการทำบุญอยู่แล้ว จึงมีกุศโลบาย "หลอมเทียน หลอมใจหลอมบุญ"       ลดช่องว่างระหว่างชนชั้น ลดช่องว่างระหว่างฐานะ ไม่ว่าจะยากดีมีจนนำขี้ผึ้งเล็กใหญ่มาหลอมละลายในกระทะทองเหลืองอันเดียวกัน ได้ต้นเทียนต้นเดียวกัน มีส่วนเป็นเจ้าของด้วยกัน ได้บุญได้กุศลเท่าเทียมกัน ก่อให้เกิดความรักสมัครสมานสามัคคี ถือว่าเป็นการทำบุญร่วมกัน  ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ เมื่อรวมแรงร่วมใจกับทำต้นเทียนเสร็จแล้วให้นำต้นเทียนทุกต้นมารวมกันที่วังของพระองค์ (วังสงัด) กลางคืนมีมหรสพสมโภชตลอดคืน รุ่งเช้า วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวันเข้าพรรษา ทรงให้มีการตักบาตรเลี้ยงพระร่วมกันเสร็จแล้วก็โปรดฯ ให้ชาวเมือง ที่มีเกวียนได้ประดับตกแต่ง โค เกวียน ม้า นำมาเข้าขบวนแห่ โดย ไปรวมกันที่หน้าศาลากลางมณฑลในเวลาเที่ยงวัน ทรงประทานรางวัลแก่ผู้ทำต้นเทียนสวยงาม เมื่อพร้อมกันแล้ว ก็    ทรงให้จับสลาก หากต้นเทียนของคณะใดจับสลาก ถูกวัดไหน ต้นเทียนของคณะนั้นก็จะแห่ไปถวายวัดนั้นๆ
                จะเห็นได้ว่า  เทียนพรรษาอุบลราชธานี  มีการเปลี่ยนทางจากวัฒนธรรมดั้งเดิม  (ไท-ลาว) สู่วัฒนธรรมหลวงในช่วงนี้เอง
                ดังนั้นการปรับเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กลายมาเป็นประเพณีหลวงอันเป็นพิธีพุทธศาสนาจึงวิวัฒนาการมาสู่  " งานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี"  ตราบเท่าทุกวันนี้
                โดยมีเป้าหมายเชิดชูพระพุทธศาสนา  ยึดมั่น "พุทธธรรม" เป็นหลักในการดำเนินชีวิต  ให้อยู่ดีมีสุข  สงบร่มเย็น  และพอเพียงเป็นแก่นแท้  คุณงามความดีตลอดไป
                                                
                                             ประเพณี                ยืนยงได้                หลายร้อยปี
                                             
                                             คุณความดี            คุ้มครอง                ค้ำคูณไว้
                                              
                                             บุญล้นล้ำ              น้อมนำธรรม       ชำระใจ
                                              
                                             เทิดทูนไท้             ธำรงศาสน์           ชาติรุ่งเรือง




วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แนะนำตัวเอง

     สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ

nanny2lovedeknarok@gmail.com      ดิฉันชื่อ นางสาว  อรัญญา  ศรีสุราช  ชื่อเล่น แนน
เกิดวันที่ 2 ธันวาคม 2538  อายุ 17 ปี
เรียนที่ ร.ร นากระแซงศึกษา  ต.นากระแซง  อ.เดชอุดม  จ.อุบลราชธานี

       ลักษณะนิสัยส่วนตัว
เป็นคนที่สนุกสนาน ชอบหัวเราะ อารมณ์ขันแต่บางครั้งก็อารมณ์โมโหร้าย แต่ส่วนมากจะอารมณ์ดีซะมากกว่านะคะ และก็ชอบร้องเพลงมากกกกกกกกก

ยังไงก็ฝาก blogger ของ แนน ด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ  บ๊ายบาย